1 ทฤษฏีดนตรี พื้นฐาน | 2 ประวัติของเครื่องดนตรีสากล | 3 ประวัติของเครื่องดนตรีไทย | 4 ประเภทของวงดนตรีสากล | 5 ประเภทของวงดนตรีไทย
ประเภทของวงดนตรีสากล
ประเภทของวงดนตรีสากล แบ่งได้เป็น 8 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1.วงแชมเบอร์มิวสิค (Chamber Music)
หมายถึง วงดนตรีประเภทบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เหมาะสำหรับแสดงภายในห้องโถง หรือสถานที่ที่จุผู้ฟังได้เพียงจำนวนน้อยในสมัยแรกเล่นกันในห้องโถงตามราชสำนักหรือ คฤหาสถ์ของขุนนางในยุโรป และนักดนตรี เล่นกันเองในหมู่เพื่อนฝูงต่อมาคนเริ่มสนใจมากขึ้นสถานที่คับแคบ จึงเลื่อนไปเล่นในห้องโถงใหญ่และใน Concert Hall ซึ่งจัดไว้เพื่อการแสดงดนตรีโดยเฉพาะ แชมเบอร์มิวสิค เน้นความสำคัญของนักดนตรีทุกคนเท่าๆ กัน โดยปกติจะมี นักดนตรี 2-9 คนและเรียกชื่อต่างๆกันตามจำนวนของผู้บรรเลง ดังนี้
จำนวนผู้บรรเลง 2 คน เรียกว่า ดูโอ (Duo)
จำนวนผู้บรรเลง 3 คน เรียกว่า ทรโอ (Trio)
จำนวนผู้บรรเลง 4 คน เรียกว่า ควอเตท (Quartet)
จำนวนผู้บรรเลง 5 คน เรียกว่า ควินเตท (Quintet)
จำนวนผู้บรรเลง 6 คน เรียกว่า เซกซ์เตท (Sextet)
จำนวนผู้บรรเลง 7 คน เรียกว่า เซปเตท (Septet)
จำนวนผู้บรรเลง 8 คน เรียกว่า ออกเตท (Octet)
จำนวนผู้บรรเลง 9 คน เรียกว่า โนเนท (Nonet)
การเรียกชื่อจะต้องบอกชนิดของเครื่องและจำนวนของผู้เล่นเสมอ เช่นสตริงทรีโอ(String Trio) มี ไวโอลิน 1 คัน วิโอลา 1 คัน และ เชลโล 1 คัน
สตริงควอเตท (String Quartet) มี ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน และ เชลโล 1 คัน
สตริงควินเตท (String Quintet) มี ไวโอลิน 2 คัน วิโอลา 1 คัน เชลโล 1 คัน และ ดับเบิลเบส 1 คัน
วูดวินควินเตท (Wood -Wind Quintet) ประกอบด้วย เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ 5 คน
ได้แก่ ฟลุ๊ต ปี่โอ โบ คลาริเน็ต บาสซูน และ เฟรนซ์ฮอร์น
แชมเบอร์มิวสิคยังไม่จำกัดประเภทของเครื่องดนตรีแต่ ตระกูลไวโอลินจะเหมาะที่สุดเพราะเสียงของเครื่องดนตรีตระกูลนี้กลมกลืนกันในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำไรน์และได้รับการปรับปรุงอีกครั้งในสมัยของไฮเดินและก็เจริญมาเป็นลำดับ( *สำหรับปัจจุบันแล้ววงแชมเบอร์มิวสิคยังคงได้รับความที่นิยมนำไปใช้บรรเลงในงานฉลองมงคลสมรสอีกด้วย* )ถ้าการบรรเลงของแชมเบอร์มิวสิคเกิน 9 คน แต่ไม่ถึง 20 คน เรียก อังซังเบลอ (ensemble)เช่น วินด์อังซังเบลอกับดับเบิ้ลเบส ของ โมสาร์ท เป็น Serenade สำหรับเครื่องลม Bแฟลต2.วงซิมโฟนี ออร์เคสตร้า (Symphony Orchestra)วงประเภทนี้มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วย
เครื่องดนตรีครบทุกกลุ่ม ขนาดของวงมีขนาดเล็ก 40-60 คนขนาดกลาง 60-80 คนและ วงใหญ่ 80-110 คน หรือมากกว่านั้น ขนาดของวงจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับเครื่องสายเป็นหลักและ ผู้เล่นต้องมีฝีมือดี รวมถึงวาทยากร(conductor)ก็ต้องมีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมถ้าใช้เฉพาะเครื่องสายของวง Symphony Orchestra ก็เรียกว่า String Orchestra3.วงป๊อปปูลามิวสิค (Popular Music)หรือวงดนตรีลีลาศ ใช้บรรเลงตามงานรื่นเริงทั่วไป
ประกอบด้วยเครื่องดนตรีีกลุ่มแซกโซโฟนกลุ่มเครื่องทองเหลืองและกลุ่มเครื่องประกอบจังหวะปอปปูลามิวสิค ส่วนใหญ่มี 3 ขนาด1.วงขนาดเล็ก(วง 4x4) มีเครื่องดนตรี 12 ชิ้น ดังนี้
กลุ่มแซ็ก ประกอบด้วย อัลโตแซ็ก 1 คัน เทเนอร์แซ็ก 2 คันบาริโทน แซ็ก 1 คันกลุ่มทองเหลือง ประกอบด้วย ทรัมเป็ต 3 คัน ทรอมโบน 1 คันกลุ่มจังหวะ ประกอบด้วย เปียโน 1 หลัง กีตาร์คอร์ด 1 ตัว เบส 1 ตัว กลองชุด 1 ชุด(วง 4 x 4 หมายถึง ชุดแซก 4 ชุด ทองเหลือง 4 ชุดตามลำดับ ส่วนเครื่องประกอบจังหวะ 4ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)2.วงขนาดกลาง (5x5) มีเครื่องดนตรี 14 ชิ้น คือ เพิ่มอัลโตแซ็ก และ ทรอมโบน
3.วงขนาดใหญ่ (Big Band )(5 x 7) มี 16 ชิ้น เพิ่ม ทรัมเป็ตและทรอมโบนอย่างละตัว
ในปัจจุบันใช้กีตาร์เบสแทนดับเบิ้ลเบส และ บางทีก็ใช้ออร์แกนแทนเปียโนคะ4.วงคอมโบ ( Combo band ) หรือ สตริงคอมโบ
เป็นวงที่เอาเครื่องดนตรีบางส่วนมาจาก Popular Music อีกทั้งลักษณะของเพลงและสไตล์การเล่นก็เหมือนกันจำนวนเครื่องดนตรีส่วนมากอยู่ระหว่างประมาณ 3 –10 ชิ้น เครื่องดนตรีจะมี พวกริทึม(Rhythm) และพวกเครื่องเป่าทั้งลมไม้และเครื่องทองเหลือง เครื่องดนตรีที่ใช้เป็นหลักคือ กลองชุด เบส เปียโนหรือมีเครื่องเป่าผสมด้วยจะเป็นเครื่องลมไม้หรือทองเหลืองก็ได้ไม่จำกัดจำนวนแต่รวมแล้วต้องไม่เหมือนกับปอปปูลามิวสิควงคอมโบก็เป็นสมอลล์แบนด์ (small Band)แบบหนึ่ง ดังนั้นวงนี้จึงเป็นวงที่มีขนาดไม่ใหญ่นักจึงเหมาะสำหรับเล่นตามงานรื่นเริงทั่วๆไปนอกจากนั้นยังเหมาะสำหรับเพลงประเภทไลท์มิวสิคอีกด้วยเพลงไทยสากลและเพลงสากลในปัจจุบันที่ใช้วงคอมโบเล่นตามห้องอาหารหรืองานสังสรรค์ต่างๆประกอบด้วยเครื่องดนตรี ดังต่อไปนื้1.แซ็กโซโฟน 2ทรัมเป็ต 3 ทรอมโบน 4 เปียโนหรือออร์แกน 5 กีตาร์คอร์ด 6 กีตาร์เบส5. วงชาร์โด(Shadow)
เป็นวงดนตรีขนาดเล็กเริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณ 20 ปีมานี่เอง ในอเมริกาวงดนตรีประเภทนี้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือคณะTheBeattleหรือสี่เต่าทองเครื่องดนตรีในสมัยแรก มี4ชิ้น คือ1. กีตาร์เมโลดี้(หรือกีตาร์โซโล) 2. กีตาร์คอร์ด 3. กีตาร์เบส 4. กลองชุดวงชาโดว์ในระยะหลังได้นำออร์แกนและพวกเครื่องเป่าเช่นแซกโซโฟน ทรัมเป็ตทรอมโบนเข้ามาผสมและบางทีอาจมีไวโอลินผสมด้วยเพลงของพวกนี้ส่วนใหญ่จะเร่าร้อน ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่นโดยเฉพาะเพลงประเภท อันเดอร์กราว6. วงแจ๊ส (Jazz)![]()
แบบของแจ๊สที่ควรรู้จักBlues Jazz เพลงบลูส์เกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนแถบปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี แต่สมัยแรกๆไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ต่อมาพ.ศ. 2467ได้มีการอัดแผ่นเสียงจำหน่าย จึงแพร่หลายได้รวดเร็วขึ้น รวมทั้งดนตรีได้มีโอกาสไปแสดงตามที่ต่างๆในสมัยแรกๆเพลงบลูส์ใช้กีตาร์เล่นนำและคลอเสียงร้องเล่นกันตามข้างถนน ตามย่านชุมชน คนผ่านไปมาก็ให้เงินบ้างไม่ให้บ้าง เนื้อร้องร้องไปคิดไป ไม่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้ามาก่อน ดังนั้นร้องกี่ครั้งก็ไม่เหมือนกัน นึกจะจบก็จบเอาดื้อๆคล้ายกับเพลงฉ่อยของประเทศไทย เพลงบลูส์ได้รับอิทธิพลจากศาสนามากดังนั้นเนื้อร้องก็มีเกี่ยวกับเรื่องศาสนาเข้ามาปนอยู่ด้วย ต่อมาเพลงบลูส์ได้เจริญขึ้นก็นำไปเล่นกับวงแจ๊๊สก็กลายเป็นบลูส์์แจ๊๊สเพลงประเภทนี้ส่วนมากจังหวะช้าๆ ครั้งแรกที่ไม่ค่อยนิยมเพลงบลูส์เนื่องจากโน้ตค่อนข้างยากต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปี พ.ศ. 2472 จึงเป็นแรงหนึ่งที่ทำให้รับความนิยมNew orlean and dixieland style ทั้ง 2 แบบเหมือนกันมากจนแทบจะแยกกันไม่ออก เริ่มขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19และมาแพร่หลายในปพ.ศ 2473 ต่อมาอาร์มาสตรองนำมาเล่นในปี พ.ศ. 2472ต่อมามีทรอมโบนและคลาริเ็น็ท เบนโจ กีตาร์ ทูบา กลอง เปียโน แซ็กโซโฟน ปัจจุบันใช้เบสแทนทูบานิยมให้ทรัมเป็ตเป็นตัวนำก่อนแล้วจึงเล่นพร้อมกันทั้งวงและเล่นกันเฉพาะทำนอง เพราะยังไม่มีใครรู้จักAdlibกันเท่าไหร่ กลองก็เล่นจังหวะธรรมดาModern Style โฉมหน้าของแจ๊๊สได้เปลี่ยนไปมากเมื่อหลุยส์ อาร์มสตรองได้คิดวิธีเล่นใหม่ คือมีทำนองหลักแล้วผลัดกันเล่นทีละคนแต่ละคน Adlib กันอย่างสนุกสนานและเล่นค่อนข้างเร็วมาก บางทีก็เล่นพร้อมๆ กัน ฟังดูเหมือนต่างคนต่างเล่นแต่อยู่ในกรอบอันเดียวกัน Bop Style ผู้ที่คิดขึ้น คือ The lonious Monk กับ Dizzy gillespieโดยเอาแบบของยุโรปมาผสมมีการเปลี่ยนแปลงทำนองและจังหวะ ใช้คอร์ดเป็นหลัก เล่นเร็วมาก ผลัดกันเล่นทีละชิ้นจังหวะของแจ๊๊สในยุคหลังก็ได้เกิดขึ้นใหม่ๆ
Swing
แบบนี้กู๊ดแมน เป็นผู้ให้กำเนิดจังหวะนี้ เมื่อก่อนกู๊ดแมนเล่นคลาริเน็ทกับพวกผิวดำ ต่อมาได้แยกออกมาเล่นกับพวกผิวขาวด้วยกันและเขาได้แต่งเพลงใหม่ขึ้น และได้ให้ชื่อเพลงใหม่นี้ว่า SwingRock n’ Roll ก็แตกแขนงจาก แจ๊๊ส เมื่อราวพ.ศ.2493 ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่วัยรุ่นและแพร่หลายอย่างรวดเร็วในอเมริกาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาเพลงร๊อคก็คือ เอลวิส เพรสลี่ (เสียชีวิตเมื่อ ส.ค. 2520)
เพลงแจ๊๊สที่เราคุ้นๆหูก็คือเพลง When the saints to marching in เพลงนี้เป็นเพลงที่เก่าแก่มาก ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่งเป็นเพลงแจ๊สที่มีชื่อเสียงมาก ในการแสดงดนตรีแจ๊๊สทุกครั้งมักมีเพลงนี้เล่นด้วยเสมอ ตอนแรกเป็นเพลงสวดต่อมาเล่นแบบมาร์ชและในที่สุด ก็เล่นแบบ New orleansอาร์มสตรองเล่นเพลงนี้ได้ดีที่สุดเมื่อ พ.ศ. 2481 เครื่องดนตรีแจ๊๊ส ที่นิยมเล่นกันมีดังนี้คือ 1.คลาริเน็ท2. แซ็กโซโฟน (โซปราโน,อัลโต,เทเนอร์) 3. คอร์เน็ต 4.ทรัมเป็ต 5.ทรอมโบน 6.เบนโจ 7.เปียโน8. กีตาร์ 9.เบส 10.กลองชุดปัจจุบันแจ๊๊สได้เล่นอย่างมีแบบแผน มีการเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงดนตรี เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นมีการกำหนดแน่นอนซึ่งใช้แบบของวงดนตรีปอปปูลามิวสิค7. วงโยธวาทิต ( Military Band )
ประกอบด้วยเครื่องเป่าครบทุกกลุ่ม คือ เครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลืองและกลุ่มเครื่องกระทบ ได้แก่เครื่องดนตรีที่ให้จังหวะทั้งหลาย วงโยธวาทิตมีมาตั้งแต่สมัยโรมันใช้บรรเลงเพลงเดินแถวเพื่อปลุกใจทหารในสมัยสงครามครูเสด ได้ซบเซาไปพักหนึ่ง และเจริญอีกในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ต่อมาในสมัยของนโปเลียนได้ปรับปรุงให้มีเครื่องดนตรีอีกหลายชนิดเช่น พวกขลุ่ยผิว พวกปี่และแตรและต่อมาก็เป็นต้นแบบของวงโยธวาทิตในราวกลางศตวรรษที่ 19 เมื่ออดอลฟ์แซกซ์ นักประดิษฐ์ชาวเบลเยี่ยมได้ประดิษฐ์แซกโซโฟนและแตรต่างๆในตระกูลแซกฮอร์น จึงได้นำมาไว้กับวงโยธวาทิตด้วยจึงสมบูรณ์ดังได้กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันวงโยธวาทิตมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 56 ชิ้น8.แตรวง (Brass Band )
คือวงที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องทองเหลืองและเครื่องกระทบ แตรวงเหมาะสำหรับใช้บรรเลงกลางแจ้งการแห่ต่างๆ เช่น ในประเทศไทยใช้แห่นาค แห่เทียนพรรษา เป็นต้นแตรวงมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 26 ชิ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น