วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

ก้น่ะ

พระสุเทพ ลาสิกขาหลังปีใหม่ เตรียมตั้งมูลนิธิฯ มวลมหาประชาชน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)

          พระสุเทพ เตรียมลาสิกขาหลังปีใหม่ เตรียมตั้งมูลนิธิฯ มวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ย้ำไม่เกี่ยวโยงกับพรรคประชาธิปัตย์


          วันที่ 3 กันยายน 2557 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. เปิดเผยถึงการตั้งมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยว่า เป็นเพราะต้องการให้การขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปประเทศตามแนวทางของ กปปส. ในบางประเด็นที่ กปปส. เห็นว่ายังไม่มีในแนวทางการปฏิรูปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เช่น การปฏิรูปทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่ง กปปส. เห็นว่าเรื่องนี้สำคัญรองลงมาจากการปฏิรูปเรื่องการเมือง
          ทั้งนี้มูลนิธิดังกล่าวจะมีแกนนำ กปปส. ที่ลาออกจากตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายอิสสระ สมชัย นายชุมพล จุลใส นายสกลธี ภัททิยกุล นายถาวร เสนเนียม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายวิทยา แก้วภราดัย น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร มาเป็นผู้ดูแล ส่วนนายเอกนัฏ เป็นเลขานุการมูลนิธิฯ

          สำหรับการเคลื่อนไหวผ่านมูลนิธินั้น นายเอกนัฏ ระบุว่า ต้องดูบรรยากาศทางการเมืองด้วย เพราะมีการประกาศกฎอัยการศึกอยู่ และสาเหตุที่ใช้ชื่อมูลนิธินี้ก็เพราะอยากให้มีความเชื่อมโยงกับ กปปส. เดิม แต่การเคลื่อนไหวในการปฏิรูปประเทศในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้ลาออกมาแล้ว และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางและข้อเสนอในการปฏิรูปต่อ สปช. ไปแล้วเช่นกัน

          นายเอกนัฏ บอกด้วยว่า พระสุเทพ ปภากโร จะลาสิกขาหลังปีใหม่ โดยจะมาทำหน้าที่เป็นประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังเชิญชวนแกนนำ กปปส. หลายคน อาทิ นายถาวร เสนเนียม, นายชุมพล จุลใส, นายวิทยา แก้วภราดัย และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไปร่วมอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

          พร้อมทั้งเชิญบุคคลทั่วไปเข้าร่วมอุปสมบทด้วยจำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 88 รูป  จำวัดที่วัดสวนโมกข์ จ.สุราษฎร์ธานี และไปปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์นานาชาติ 6 วัน ที่ อ.เกาะสมุย เป็นเวลา 4 วัน โดยเป็นการจัดคอร์สอบรมอย่างเข้มข้น รุ่นแรกวันที่ 9-31 ตุลาคม รุ่นที่ 2 ในวันที่ 28-30 พฤศจิกายน มีกำหนดอุปสมบทอย่างน้อย 30 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆพระสุเทพ

การเมือง

ศปก.ทบ. เผย โจรใต้จ้องโจมตีเจ้าหน้าที่หวังลดความเชื่อมั่น ใช้ระเบิดแสวงเครื่อง
วันที่ 3 ก.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุทิศ สุนทร หัวหน้าคณะทำงาน ติดตามการเเก้ไขปัญหาจังหวัดชายเเดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้น พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุม ศปก.ทบ. ว่าในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้บรรยายสรุปด้วยระบบการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอ (วีทีซี) ว่า
ช่วงรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 27 ส.ค. 57-2 ก.ย. 57 มีเหตุการณ์เกิดขึ้น 8 เหตุ เป็นเหตุคดีความมั่นคงเพียง 1 เหตุ ที่เหลือเป็นเรื่องส่วนตัวและเหตุก่อกวน ทั้งนี้ แนวโน้มสถานการณ์คาดว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายอาจจะมีการตอบโต้การปฏิบัติเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ ด้วยการใช้ระเบิดแสวงเครื่องซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ และลอบยิงเป้าหมายอ่อนแอ เพื่อลดทอนความเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัย
ส่วนการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 5 ราย ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 2 ราย ยึดอาวุธปืน 3 กระบอก สามารถทำลายความพยายามในการก่อเหตุวางระเบิดแสวงเครื่อง 2 ครั้ง ในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส พ.อ.บรรพต กล่าวต่อว่า สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การตัดไม้ทำลายป่าและภัยแทรกซ้อน สามารถยึดยาบ้าได้ 4,327 เม็ด พืชใบกระท่อม 95 กก. เฮโรอีน 10 หลอด ผู้ต้องหา 6 คน น้ำมันหนีภาษี 25,400 ลิตร และยึดอายัดไม้ซุง 69 ท่อน พร้อมไม้แปรรูปได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ การจัดส่งผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2557 จำนวน 575 คน และการรับจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามนโยบายของ คสช. ตั้งแต่ 22 ก.ค.57 ถึงปัจจุบัน จำนวน 17,470 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมาร์ 9,175 คน กัมพูชา 7,198 คน ลาว 1,097 คน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาค 1 ให้การต้อนรับ พล.ต.วิษณุ บาวา เตนายา แม่ทัพภาคที่ 9 กองทัพบกประเทศอินโดนีเซีย ตามโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนของนายทหารประดับสูง ตามแผนงานความร่วมมือทางการทหารระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกอินโดนีเซีย ประจำปีงบประมาณ 2557 ระหว่างวันที่ 2 - 5 ก.ย. 2557 โดยมีแผนการเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหน่วยต่างๆ เช่น ชมปฏิบัติการถวายความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ชมการปฏิบัติการจัดกำลังและการปฏิบัติของกองร้อย 3 ภารกิจ เยี่ยมชมการดำเนินโครงการ ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และเยี่ยมชมการปฏิบัติงานบริเวณจุดตรวจบ้านคลองลึก ปอยเปต ของกองร้อยทหารพรานที่ 1206
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการแลกเปลี่ยนการมาเยือนนายทหารระดับสูงเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกอินโดนีเซียให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือของประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ลูกกตัญญู

ชาวลาวซึ้ง! บัณฑิตสาวหอบปริญญา กราบเท้าแม่อัมพาต
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Taengmo Phoutthamala
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (2 ก.ย.) กำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ หลังจาก  บัณฑิตใหม่ชาวลาว โพตส์ภาพกราบเท้ามารดาที่ป่วยเป็นอัมพาตต้องนั่งอยู่ในรถเข็นวีลแชร์ โดยมือซ้ายของมารดาประคอง "ใบปะกาด" หรือ ประกาศนียบัตร (Diploma) ซึ่งก็คือปริญาบัตรในระบบการศึกษาของลาว หลังจากเรียนจบการศึกษาขึ้นเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความชื่นชมรวมถึงกดไลค์ภาพดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
สำหรับ แตงโม พุดทะมาลา สุดาวัน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ และได้รับ "ใบย้องยอ" จากมหาวิทยาลัยเนื่องจากเป็นนักศึกษาเรียนดี และร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยเธอบอกว่าต้องการแชร์ภาพความรู้สึกในเรื่องนี้แก่บรรดาเพื่อนสนิท และคนที่ติดตามเฟซบุ๊กของเธอ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน แต่หลายคนก็เข้ามาแสดงความชื่นชมเธอในความเป็นลูกกตัญญู

สุดยอดทีม ฟุตบอล

ประวัติของทีมเชลซี--Stanford Creek -> Stamford Bridge



แฟนเชลซีทุกคนโดยส่วนใหญ่จะรู้จักประวัติของเชลซีดี หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างก็แล้วแต่ แต่รู้มั้ย ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่อยู่เคียงคู่ประวัติของทีมเชลซีตั้งแต่กุนซือคนแรก คือเลสลี่ ไนท์ตัน นั่นคือ สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ บ้านหรือสนามเหย้าของทีมเชลซีที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสนามที่ทันสมัยที่สุด

Full name : Stamford BridgeLocation : Fulham Broadway, London, EnglandBuilt : 1876Opened : 1877Renovated : 1904-5, 1990sOwner : Chelsea Pitch Owners plcOperator : ChelseaSurface : GrassArchitect : Archibald Leitch (1887)Capacity : 42,055Field dimensions : 110 x 75 yards (100 x 69 metres)Tenants : Chelsea (1905-present)

(ที่อยู่ของสแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่เราคุ้นเคยดีคือ

StamfordBridge,Fulham Road,London,SW6 1HS ใช่มั้ยคะ

เคยมีคนงงแล้วว่า SW6 คืออะไร SW คือเขตชุมชน และบ้านของเชลซีอยู่ในเขตชุมชนที่ 6 คือ เขตชุมชนฟูแล่ม ความจริงคือ ทีมเชลซีไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนเชลซี SW3 และ SW10

สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า main areasof operations มีทั้งหมด 21 เขต)


สนามแห่งเดียวของเชลซีได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 พ.ค 1877 ย้อนกลับไปในอดีต บ้านของเชลซีไม่ได้ใหญ่โต สวยงาม และอบอุ่นเหมือนตอนนี้ แถมไม่ได้ชื่อนี้ด้วย ในช่วงนั้นเรียกว่า Stanford Creek บ้านของเชลซีมีเพียงสนามและที่คนดูซึ่งมีที่บังฝนความยาวไม่ยาวมากนักเท่านั้น เจ้าของเชลซีในตอนนั้นคือ Ken Bates

Ken Bates เจ้าของทีมเชลซีซื้อทีมนี้ในราคา 1m เท่านั้น

(ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 1920-1922 สนามแห่งนี้ถูกปิดชั่วคราว เพราะกลัวภัยสงครามและอาจถูกใช้เป็นที่ส่องซุมกำลังของศัตรู ซึ่งในช่วงนั้น สนามฟุตบอลเป็นสถานที่ที่กองกำลังอังกฤษระวังมากเป็นพิเศษ แต่โชคดีที่สงครามจบสิ้นลงในระยะเวลา 2 ปี)



และที่นั่งที่มีที่บังฝนขนาดไม่ยาวนี้แหล่ะที่แฟนเชลซีในช่วงนั้นเรียกว่า The Shed มีที่มาจาก Shadow ที่แปลว่า เงา นั่นเอง ส่วนที่เรียกว่า The Shed ที่มีที่ราบเป็นขั้นบันไดให้แฟนบอลนั่งดูนี้สร้างขึ้นในปี 1930



The Shed


ต่อมา The Shed ต้องถูกรื้อเพราะในช่วงนั้นเกิดโศกนาฎกรรมที่ Hillsborough ที่สนามถล่มลงมาและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายตรงจุดนี้ที่ทางเชลซีมีความคิดที่จะเปลี่ยนให้ดูแข็งแรงกว่าเดิม จึงมีการสร้างใหม่ตรงทิศใต้และตั้งชื่อเป็น Shed End เพื่อเป็นที่ระลึกในปี 1990

ถึงแม้ว่า The Shed จะไม่มีแล้ว แต่จุดที่มี The Shed คือที่มาของสนามเชลซี ที่นั่งฝั่ง East Stand จึงถูกสร้างขึ้นแทนที่จุดนี้แหล่ะคือที่มาของความคิดที่จะสร้างสนามให้ดู ยิ่งใหญ่ขึ้น ที่นั่งฝั่ง East Stand จึงมีประวัติยาวนานกว่าที่นั่งทิศใดๆ ทั้ง 4 ทิศ


East Stand รุ่น 1


East Stand รุ่น 2

สนามของเชลซีมีการปรับเปลี่ยนเรื่อยมา เปลี่ยนครั้งหนึ่ง สนามของเชลซีก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น จนกระทั่งมีการ Re-design กันในช่วงปี 1997-2003 ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 ปี โรมัน อบราโมวิช หรือเสี่ยหมีได้ซื้อทีมเชลซีต่อจากเบทส์ในราคา 140m แล้ว


สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์แบ่งออกเป็น 4 โซน

1.East Stand หรือฉายาว่า The Shed ถูกปรับเปลี่ยนมาแล้ว 2 ครั้งอย่างที่เห็นในรูปซึ่งยิ่งเปลี่ยนก็ยิ่งดูแข็งแรงมากขึ้น เปลี่ยนครั้งแรกในสมัยกุนซือเท็ด เดร็ค และครั้งที่ 2 ในช่วงกุนซือเอ็ดดี้ แม็คเครดี้ เป็นฝั่งที่นั่งที่เก่าแก่มากที่สุดปี 1973 ที่นั่ง 10,925 ที่นั่ง

2.ในปี 1964-65 ที่นั่งฝั่ง West Stand จึงเกิดตามมา มีฉายาว่าThe Bench และถูกรื้อและสร้างใหม่เป็น The Current West Standที่นั่ง 13,500 ที่นั่ง

3.North Stand หรือฉายาว่า The Matthew Harding Standเสร็จในปี 1990 เพื่อเป็นเกียรติกับ Matthew Harding ผู้สร้างแปลนที่นั่งฝั่งเหนือให้เชลซี หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในวันที่ 22 ต.ค 1996 ที่นั่ง 10,884 ที่นั่ง

4.Shed End เป็นฉายาของ South Stand นับได้ว่าเป็นฝั่งที่นั่งพี่น้องของ The Shed เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของเชลซีเพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ระลึกถึงอดีต ที่นั่งจะมีน้อยคือ7,814 ที่นั่ง โดยที่ไม่มีโครงการจะขยายเพราะต้องการจะเหลือโครงเดิมแต่อดีตเอาไว้


The Original Model




จนถึงปัจจุบัน สแตมฟอร์ด บริดจ์เปลี่ยนโฉมจนไม่เหลือเค้าเดิมแต่ถึงกระนั้น ทีมเชลซีก็ยังคงเหลือเค้าอดีตให้เห็น คืออะไร นั่นคือกำแพง The Shed End เป็นหนึ่งในที่มาของสนามแสนสวยงามนั้นเอง (ความจริงเก่ากว่านั้นคือ The Shed แต่ไม่มีแล้ว) ใครที่ได้ไปบ้านเชลซีลองหาดูนะ เพราะกำแพงนี้เก็บอดีตเอาไว้มากมาย


คงจะจำกันได้ว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เสี่ยหมีกำลังมองหาที่แห่งใหม่ทำให้เกิดข่าวลือว่า จะย้ายบ้าน เพราะหากเทียบกับทีมอื่นๆ ในบิ๊กโฟร์นั้น สนามของเชลซีเล็กกว่า เสี่ยหมีจึงอยากสร้างสนามที่นั่ง55,000 อย่างไรก็ดี การหาที่ให้ใกล้กับสนามเก่าเป็นเรื่องยาก อีกทั้งมีการเรียกร้องจากแฟนบอลว่าขอไม่ให้ย้ายไปไหน

ซึ่งสอดคล้องกับเม็ดเงินมหาศาลที่เสี่ยหมีทุ่มลงไปเองก็ไม่ใช่น้อยไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสแตมฟอร์ด บริดจ์ครั้งมโหฬาร โดยเฉพาะcobham ศูนย์ซ้อมขนาดใหญ่ของทีมเชลซีทั้ง ชุดใหญ่ ชุดสำรองและทีมเยาวชน

ถึงกระนั้นเสี่ยหมีก็ยังคิดว่ามันยังไม่พอ!!!!!!!!!

เอ่อ ลืม สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์มีการฝังลูกแก้วนำโชคไว้ด้วยนะหากจำไม่ผิด รู้สึกว่าล่าสุดมีการเปลี่ยนที่แล้ว แต่มันก็นานมาแล้วและผลงานเชลซีก็ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอดไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่าแฮะ


----------------------

หากใครสนใจและมีโอกาสได้ไปดูเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ สิ่งแรกที่เราต้องหาคือที่พักและต้องใกล้กับสแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วย หามาด้วยแหล่ะ

1.Jurys Inn Chelsea ระดับ 3 ดาว 0.97 กิโลเมตร ถึงสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์2.Chelsea Aelita Guest House 0.93 กิโลเมตร ถึงสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์3.Wyndham London - Chelsea Harbour ระดับ 5 ดาว 0.95 กิโลเมตรถึงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์4.MILLENNIUM CHELSEA FC HOTEL ระดับ 4 ดาว 0.30กิโลเมตร ถึงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์5.Millennium & Copthorne Hotels at Chelsea Football Club ระดับ 4 ดาว 0.30 กิโลเมตร ถึงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์6.La Reserve Hotel ระดับ 3 ดาว 0.16 กิโลเมตร ถึงสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

นักดนตรี ในดวงใจ






ส่วนตัวผมชอบคนนี้ครับ
............................................

อีริค แคลปตัน (Eric Clapton) เจ้าของฉายา "Slowhand" เป็นมือกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลง ชาวอังกฤษ


ประวัติ

อีริค แพทริก แคลปตัน เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2488 ที่ประเทศอังกฤษ ภายหลังจากที่เขาเสียคุณพ่อไป คุณตาคุณยายของอีริค(โรส และแจ็ก แคลป Rose and Jack Clapp) จึงยื่นมือเขามาช่วย โดยทำหน้าที่เป็นพ่อแม่และเลี้ยงดูอีริค เหมือนเป็นลูกของตัวเอง 

นามสกุลของอีริค เป็นของสามีคนแรกของ คุณยายเขาซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของคุณแม่เขาที่ชื่อว่า Reginald Cecil Clapton

อีริคเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่รักเสียงดนตรี ด้วยบุคลิกภาพที่เป็นคนเงียบขรึมและสุภาพของอีริค เขาจึงถูกมองว่าเป็นเด็กที่เรียนดี มีความสามารถ ทางด้านศิลปะ เมื่อเริ่มวัยเรียน เขาเกิดความสงสัย ในต้นกำเนิดของตัวเอง 

เมื่อสังเกตเห็นว่า เขาไม่ได้ใช้นามสกุลเดียว กับเขาคุณตาคุณยาย Mr. and Mrs. Clapp ซึ่งเขาคิดว่าเป็นพ่อแม่ เขาจึงได้รู้ความจริงเกี่ยว กับพ่อแม่แท้ๆ เมื่ออายุ 9 ขวบ เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญหนึ่งในชีวิต และมีผลกระทบอย่างมากต่อ ชีวิตของเขา

ในปี 2504 อีริค ได้เข้าเรียนใน Kingston College of Art ด้วยการติดทัณฑ์บน 1 ปี แต่ก็ไม่สามารถผ่านช่วงทัณฑ์บนไปได้ และถูกไล่ออก สาเหตุก็เพราะ เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีให้กับการฟังเพลง และเล่นกีต้าร์แนวบลูส์ จนไม่มีเวลาให้กับการเรียน 

ด้วยความที่เป็นคนช่างคิด เขาจึงสามารถมองผ่าน เปลือกนอกและลงลึกไปในเนื้อในความป็นร็อก ในแนวเพลง American Blues และเพลงแนวบลูส์นี้เองที่ช่วยสื่อถึงตัวตน ที่แท้จริง ของเขาได้อย่างแท้จริง

เอกลักษณ์ของเขา เกิดจากการที่เขาไม่ได้ลอกเลียน riff ของเพลงบลูส์ที่เขาเคยได้ยิน เขาผสมผสานอารมณ์เพลงของต้นฉบับ เข้ากับสไตล์ การเล่นกีต้าร์เฉพาะตัวของเขา จึงทำให้อีริค สามารถขยายคำจำกัดความ ของการเล่นกีต้าร์เพลงบลูส์ 

แต่ละอัลบั้มที่วางจำหน่ายหลังจากอัลบั้ม 461 Ocean Boulevard Eric ได้นำเสนอดนตรีรูปแบบใหม่เสมอมา ตลอดช่วงทศวรรษที่ 70 และช่วงต้นยุคทศวรรษที่ 80 อีริคได้ออกอัลบั้มและเดินสายเปิด การแสดงทั่วโลก อย่างไม่ขาดสาย 

ในปี 2528 เขาได้พบกับกลุ่มผู้ฟัง กลุ่มใหม่ที่ตามชมการแสดง ของเขา ในการทัวร์คอนเสิร์ต การกุศลทั่วโลกที่ชื่อว่า คอนเสิร์ตไลฟ์เอด การแสดงที่ Royal Albert Hall และการมีอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากมาย ตัวอย่างเช่นอัลบั้ม August, Journeyman และ Crossroads ทำให้อีริค แคลปตันกลายเป็นที่จดจำ ของสาธารณชน 

ในช่วงปลายของยุค 80 เขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเองอีกครั้ง ในฐานะผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ อาชีพการงานของเขา มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ และขึ้นสู่จุดสูงสุดในปี 2535 เมื่อเขาออกอัลบั้ม 

ใน 40 กว่าปีที่อยู่ในวงการมาอีริค แคลปตันได้รางวัลมากมาย เขาเป็นนักร้องคนเดียว ที่ได้มีชื่ออยู่ในสมาชิกของรางวัล the Rock & Roll Hall Of Fame (ในฐานะของวง The Yardbirds และวง Cream และในฐานะนักร้องเดี่ยว)